Engineering1986 > สาระความรู้ > มาตราฐานงานสายไฟฟ้าและไฟฟ้าสื่อสาร มาตรฐานสายไฟฟ้า มอก.11-2553

มาตราฐานงานสายไฟฟ้าและไฟฟ้าสื่อสาร มาตรฐานสายไฟฟ้า มอก.11-2553

 

ประกาศเป็นมาตรฐานบังคับแล้วตามพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสายไฟฟ้าหุ้มฉนวนพอลิไวนิลคลอไรด์ แรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน 450/750 โวลต์ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. 2555 ให้ไว้ ณ วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2555 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสองร้อยเจ็ดสิบวัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรฐานสายไฟใหม่ มอก.11-2553 ที่ประกาศเป็นมาตรฐานบังคับตามพระราชกฤษฎีกา ที่กำหนด
ให้มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสายไฟฟ้าหุ้มฉนวนพอลิไวนิลคลอไรด์ แรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน
450/750 โวลต์ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน มอก.11-2553 (ซึ่งของเดิม เป็น มอก.11-2531) ซึ่งมีการ
เปลี่ยนแปลงพอจะสรุปได้ดังนี้
1. มาตรฐาน มอก.11-2553 นี้ส่วนใหญ่อ้างอิงมาตรฐานสายไฟมาจาก IEC Standards 60227 การ
แบ่งชนิดของสายไฟฟ้าจะแบ่งตามมาตรฐาน IEC เป็นรหัสตัวเลข 2 ตัว แต่เนื่องจากป้องกันความ
สับสน ผู้ผลิตจะระบุชื่อเดิมไว้ให้เช่น60227 IEC 01 (THW)
2. สีของฉนวนสายไฟจะกำหนดใหม่โดยเรียงจาก เฟสA, B, C, N, G ดังนี้น้ำตาล ดำ เทา ฟ้า เขียว
แถบเหลือง ตามมาตรฐาน IEC จากมาตรฐานเดิมที่เป็น ดำ แดง นํ้าเงิน ขาว(เทา) เขียว การใช้
งานจะต้องเพิ่มความระมัดระวังโดยเฉพาะโครงการที่มีระยะเวลายาว หรืองานต่อเติมซ่อมแซมที่
จำ เป็นต้องใช้สายทั้ง2มาตรฐานในงานเดียวกันเช่นสายVAFที่เดิมใช้สีเทาเป็นสายนิวทรัลแต่ต่อ
ไปนี้สายเส้นสีเทาจะเป็นสายเฟสที่มีไฟแล้ว ดังนั้นการทำ เครื่องหมายจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
3. กำหนดแรงดันใช้งาน 2ค่าU๐/Uไม่เกิน450/750โวลต์มีผลทำ ให้สายไฟฟ้าบางชนิดเช่นสายVAF
ที่ตามมาตรฐานเดิมไม่สามารถนำมาใช้กับระบบ3 เฟส4สาย230/400 โวลต์ได้แต่มอก.11-2553
ให้ใช้ได้
4. อุณหภูมิที่ใช้งาน กำหนดไว้2 ค่าคือ70 และ90 องศาเซลเซียส ขณะที่มาตรฐานเดิมกำหนดไว้70
องศาเซลเซียสค่าเดียว
จากการเปลี่ยนแปลงข้างต้น วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ได้
ปรับปรุงมาตรฐานการติดตั้งให้สอดคล้องกับสายไฟฟ้ามาตรฐานใหม่โดย ซึ่งมีข้อแตกต่างจากมาตรฐาน
เดิมพอสมควร ดังนั้น การคำนวนหาขนาดสายไฟฟ้าเพื่อนำ ไปใช้งานควรจะพิจารณาตามขั้นตอนดัง
ต่อไปนี้
1. คำนวนโหลดหาค่ากระแสที่ใช้งาน และกำหนดขนาดเครื่องป้องกัน
2. พิจารณาชนิดของสายไฟฟ้าจำนวนตัวนำกระแส2เส้นหรือ3เส้น(1เฟสหรือ3เฟส)ลักษณะของ
สายไฟเป็นแบบแกนเดียวหรือหลายแกน ล้วนแต่มีผลต่อการเลือกใช้ตารางกระแสไฟฟ้าทั้งสิ้น
3. พิจารณาวิธีการติดตั้งซึ่งแบ่งเป็น7 กลุ่ม(มาตรฐานเดิมมี5 กลุ่ม) ที่น่าสังเกตุคือ การเดินสายร้อย
ท่อภายในฝ้าเพดานหรือผนังทนความร้อน มีค่ากระแสแตกต่างจากการเดินสายร้อยท่อลอยหรือ
ฝังในคอนกรีต ตัวอย่างเช่น ถ้าโหลด3 เฟส คำนวนหาขนาดเครื่องป้องกันได้100 แอมแปร์กรณี
ที่เลือกใช้สายไฟฟ้า60227IEC01(THW) เดินสายร้อยท่อลอยเกาะผนังหรือเพดาน จะต้องใช้สาย
ขนาด50 ตร.มม. แต่ถ้าเป็นการเดินสายร้อยท่อภายในฝ้าเพดาน จะต้องใช้สายขนาด70 ตร.มม.
4. พิจารณาตัวคูณปรับค่า เนื่องจากอุณหภูมิโดยรอบ ซึ่งกำหนดที่40 องศาเซลเซียสในกรณีทั่วๆ ไป
และ 30 องศาเซลเซียสในกรณีฝังดิน
5. พิจารณาตัวคูณปรับค่า เนื่องจากกลุ่มวงจรในกรณีที่มีตัวนำกระแสมากกว่า1 วงจร โดยพิจารณา
วงจร1 เฟส2สายนับเป็น1 วงจร วงจร3 เฟส3สายหรือ4สายนับเป็น1 วงจร ในกรณีนี้ส่วนใหญ่
จะใช้ในการเดินสายในรางเคเบิล (cable tray) ที่มีการปรับปรุงแก้ไข ที่สำคัญคือ ไม่อนุญาตให้
ใช้สายไม่มีเปลือกติดตั้งในรางเคเบิล และในมาตรฐานเดิมกำหนดให้สายในรางเคเบิลจะต้องไม่
เล็กกว่า 50 ตร.มม. มาตรฐานใหม่ยอมให้ถึงสายขนาด25 ตร.มม.
6. ขนาดกระแสจากการปรับค่าในขัอ 4 และข้อ 5
7. หาขนาดสายไฟฟ้าจากตารางที่ถูกเลือกในข้อ 3
มาตรฐานใหม่นี้ในระยะแรกยังไม่มีความคุ้นเคยอาจสับสนอยู่บ้าง คงต้องค่อยๆ พิจารณาตามลำดับ
ไปก่อน หลังจากนั้นคงคุ้นเคยเหมือนมาตรฐานเดิม ในส่วนรายละเอียดสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จาก
มาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าฉบับปรับปรุงใหม่ของ วสท.

ขอบคุณเครดิตข้อมูล @: Pornsak Phoolphol‎ กลุ่มงานวิศวกรไฟฟ้า